10 ประการสำคัญในอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks)
ทรัพยากรธรรมชาติ
ธรณีพิบัติภัย
การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
การศึกษา
วิทยาศาสตร์
วัฒนธรรม
สุภาพสตรี
การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ภูมิปัญญาของชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น
การอนุรักษ์ธรณีวิทยา
1. ทรัพยากรธรรมชาติ
ความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์เกิดขึ้นจากการนำทรัพยากรธรรมชาติจากเปลือกโลกมาใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ทรัพยากรธรรมชาติดังกล่าวประกอบด้วย แร่ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติธาตุหายาก พลังงานความร้อนใต้พิภพ อากาศ และน้ำ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้อย่างยั่งยืนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมในอนาคต ธาตุที่พบบนโลกมีต้นกำเนิดจากธรณีวิทยาและกระบวนการทางธรณีวิทยาซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไปและต้องมีการใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกทำให้ประชาชนทราบถึงความต้องการและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ทั้งการทำเหมืองแร่การทำเหมืองหิน หรือการใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อม ในขณะเดียวกันก็เป็นการสนับสนุนให้ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความสมบูรณ์ของภูมิประเทศด้วย
2. ธรณีพิบัติภัย
อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกหลายแห่งส่งเสริมให้เกิดความตระหนักถึงธรณีพิบัติภัย ได้แก่การเกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว และสึนามิ และยังช่วยทำให้เกิดการเตรียมยุทธศาสตร์การรับมือภัยพิบัติในชุมชนท้องถิ่น จากการทำกิจกรรมที่ให้ความรู้แก่ประชาชนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกหลายแห่งสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับต้นกำเนิดการเกิดธรณีพิบัติภัยและแนวทางการลดผลกระทบรวมทั้งยุทธศาสตร์รองรับพิบัติภัย สิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถและการเตรียมความพร้อมแก่ชุมชนให้มีความรู้และทักษะในการตอบสนองกับธรณีพิบัติภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกเป็นแหล่งบันทึกการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอดีตและเป็นแหล่งศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน รวมถึงการยอมรับแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดในการใช้พลังงานประเภทที่เกิดขึ้นใหม่ได้ และการใช้มาตรฐานที่ดีที่สุดของ “การท่องเที่ยวสีเขียว (Greentourism)” อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกบางแห่งส่งเสริมการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นผ่านโครงการนวัตกรรมต่างๆ บางแห่งเสมือนเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งโดยให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบการเปลี่ยนแปลง
สภาพทางภูมิอากาศในปัจจุบัน ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของเราอย่างไร กิจกรรมและโครงการของชุมชนและสถาบันการศึกษามีความสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มความตระหนักถึงผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจเกิดขึ้นในภูมิภาค อีกทั้งเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการบรรเทาและการปรับตัวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแก่ชุมชนท้องถิ่นด้วย
4. การศึกษา
อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาและดำเนินกิจกรรมทางการศึกษาให้แก่ประชาชนทุกวัยเพื่อเผยแพร่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับมรดกทางธรณีวิทยา และความเชื่อมโยงของมรดกทางธรณีวิทยากับด้านอื่นๆ เช่น มรดกทางธรรมชาติ มรดกทางวัฒนธรรม และมรดกที่แตะต้องไม่ได้ของโลก อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต้องจัดกิจกรรมการสอนหรือกิจกรรมพิเศษสำหรับเยาวชน อาทิ ค่ายเยาวชน (Kids Clubs) หรือวันสนุกสุขสันต์กับซากดึกดำบรรพ์ (Fossil Fun Days) นอกจากนี้ อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกยังต้องให้ความรู้แก่บุคคลทั่วไปและผู้สูงวัยที่เกษียณอายุแล้ว ทั้งในรูปแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการอีกทั้งมีการฝึกอบรมให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น เพื่อสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่แก่ผู้อื่นต่อไป
5. วิทยาศาสตร์
อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งมรดกทางธรณีวิทยาหรือความหลากหลายทางธรณีวิทยาที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่อุทยานธรณีโลกจะต้องได้รับการสนับสนุนให้มีการทำงานร่วมกับสถาบันทางวิชาการในการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์โลกและสาขาอื่นๆ เพื่อพัฒนาความรู้เกี่ยวกับโลกและกระบวนการเกิดโลก อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกไม่ใช่พิพิธภัณฑ์แต่เป็นห้องปฏิบัติการที่สร้างความร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์จากงานวิจัยทางวิชาการระดับสูงลงมาสู่ผู้เยี่ยมชมที่ให้ความสนใจทั่วไป ประการหนึ่งที่ต้องพึงระวัง คือ หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์ในแผ่นป้าย สัญลักษณ์ แผ่นพับ แผนที่ และหนังสือที่จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ให้กับบุคคลทั่วไป
6. วัฒนธรรม
คำขวัญของอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก คือ “ร่วมอนุรักษ์มรดกโลก ร่วมรักษาชุมชนท้องถิ่นให้ยั่งยืน” อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกมีพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับประชาชนและความเชื่อมโยงระหว่างชุมชนกับโลก โลกถือเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของมนุษย์ เช่น การทำเกษตรกรรม วัสดุก่อสร้าง และวิธีการสร้างบ้านของมนุษย์ รวมทั้งตำนาน ความเชื่อ และขนบทำเนียมประเพณีพื้นบ้านต่างๆ ดังนั้น อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกจึงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกิจกรรมเหล่านี้ อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกหลายแห่งมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับศิลปะชุมชน ซึ่งเมื่อนำศิลปะและวิทยาศาสตร์มาผสมผสานกันจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม
7. สุภาพสตรี
อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกให้ความสำคัญกับบทบาทของสตรี โดยมีช่องทางการจัดหลักสูตรทางการศึกษาหรือกิจกรรมที่มีส่วนร่วมของสุภาพสตรี อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกถือเป็นช่องทางหนึ่งในการพัฒนา สนับสนุน และส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมครัวเรือนและผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมของท้องถิ่นกลุ่มสหกรณ์สตรีในอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกบางแห่งเปิดโอกาสให้สตรีเพิ่มรายได้ให้กับตนเองและชุมชน เช่น การบริการด้านที่พักให้แก่นักท่องเที่ยว
8. การพัฒนาอย่างยั่งยืน
แม้ว่าพื้นที่จะมีมรดกทางธรณีวิทยาที่โดดเด่น มีคุณค่า และมีชื่อเสียงระดับโลกอย่างมากก็ตามพื้นที่นั้นก็ไม่สามารถเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกได้ หากไม่มีแผนพัฒนาและบริหารจัดการอย่างยั่งยืนสำหรับชุมชนท้องถิ่นในบริเวณนั้น ทั้งนี้อาจดำเนินการในรูปแบบของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น การพัฒนาเส้นทางเดินหรือเส้นทางปั่นจักรยาน การฝึกอบรมบุคลากรในท้องถิ่นเพื่อเป็นมัคคุเทศก์ การส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เกี่ยวกับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตามหลักปฏิบัติที่เป็นเลิศตามมาตรฐานสากล ทั้งนี้สามารถให้ความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นและเคารพวิถีชีวิตดั้งเดิมโดยให้อำนาจและเคารพในเกียรติและสิทธิมนุษยชนของพวกเขา หากอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในท้องถิ่นก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกไม่ได้กำหนดเงื่อนไขหรือข้อบังคับในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในบริเวณอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก แต่ให้ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศภูมิภาค ท้องถิ่น หรือชนพื้นเมืองที่มีอยู่เดิม
9. ภูมิปัญญาของท้องถิ่นและชนพื้นเมือง
อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกมีความเกี่ยวพันอย่างเข้มแข็งกับคนในท้องถิ่นและชนพื้นเมืองในการอนุรักษ์และยกย่องวัฒนธรรมของกลุ่มคนเหล่านี้ อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกควรให้ความสำคัญของชุมชนท้องถิ่นและชนพื้นเมือง รวมไปถึงวัฒนธรรมและความเชื่อมโยงระหว่างชุมชนกับผืนแผ่นดินของพวกเขาเหล่านั้นหลักเกณฑ์หนึ่งของอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก คือ ความรู้ที่เกี่ยวกับชุมชนท้องถิ่นและชนพื้นเมือง รวมถึงแนวทางปฏิบัติและระบบบริหารจัดการควบคู่ไปกับด้านวิทยาศาสตร์ จะต้องปรากฏอยู่ในแผนบริหารจัดการในพื้นที่ด้วย
10. การอนุรักษ์ธรณีวิทยา
อุทยานธรณีโลกของยูเนสโกเป็นพื้นที่ที่มีแนวคิดในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ให้คุณค่ามรดกของแผ่นดิน และสร้างจิตสำนึกที่ต้องการจะอนุรักษ์สิ่งเหล่านี้ แหล่งธรณีวิทยาในอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกอยู่ภายใต้การดูแลและคุ้มครองโดยกฎหมายของชนพื้นเมือง ท้องถิ่น ภูมิภาค และ/หรือประเทศนั้น และดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามและบำรุงรักษาแหล่งธรณีวิทยาดังกล่าว มาตรการป้องกันที่เหมาะสมสำหรับแต่ละแหล่งธรณีวิทยากำหนดไว้ในแผนบริหารจัดการของแต่ละพื้นที่ องค์กรที่มีหน้าที่บริหารจัดการของอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการขายวัตถุทางธรณีวิทยา เช่น ซากดึกดำบรรพ์ แร่หินขัดมัน และหินประดับ รวมถึงไม่ส่งเสริมการค้าขายวัตถุทางธรณีวิทยาที่ทำให้เกิดความไม่ยั่งยืนทุกรูปแบบทั้งนี้ไม่รวมถึงวัสดุที่ใช้ในครัวเรือนและอุตสาหกรรมทั่วไปที่ผลิตจากเหมืองหิน และ/หรือเหมืองแร่ และต้องอยู่
ภายใต้ข้อกฎหมายของประเทศ และ/หรือระหว่างประเทศการจัดเก็บตัวอย่างวัตถุทางธรณีวิทยาจากแหล่งที่สามารถหาทดแทนได้ตามธรรมชาติ และอยู่ในพื้นที่อุทยานธรณีโลกของยูเนสโก ภายใต้เงื่อนไขและสถานการณ์ที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นการดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านวิทยาศาสตร์และการศึกษา โดยองค์กรที่มีหน้าที่ในการบริหารจัดการอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกอาจอนุญาตให้ดำเนินการดังกล่าวได้ การค้าขายแลกเปลี่ยนวัตถุทางธรณีวิทยา (พิจารณาควบคู่กับกฎหมายระดับชาติในการอนุรักษ์มรดกของโลก) อาจสามารถดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไขเฉพาะ คือ สามารถอธิบายให้กับประชาชนได้อย่างชัดเจนและคิดว่าดีที่สุดแล้วสำหรับอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกที่เกี่ยวกับสถานการณ์ท้องถิ่น ทั้งนี้ จะต้องขึ้นกับการหารือและอนุญาตเป็นรายกรณี