อุทยานธรณีโคราช จังหวัดนครราชสีมา

ข้อมูลทั่วไป

จังหวัดนครราชสีมา ได้ประกาศจัดตั้งอุทยานธรณีโคราช เป็นอุทยานธรณีท้องถิ่น เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๘ ครอบคลุม ๕ อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน อำเภอขามทะเลสอ อำเภอเมืองนครราชสีมา และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ มีพื้นที่ทั้งสิ้น ๓,๑๖๗.๓๘ ตารางกิโลเมตร

อุทยานธรณีโคราชมีแหล่งธรณีวิทยา ๒๔ แหล่ง แหล่งธรรมชาติ ๓ แหล่ง และแหล่งวัฒนธรรม ๘ แหล่ง รวมทั้งสิ้น ๓๕ แหล่ง ดังนี้

  • แหล่งธรณีวิทยา
  • ๑. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินฯ                               
  • ๒. แหล่งไดโนเสาร์โคราช                                     
  • ๓. บ่อดินภูเขาทอง                                           
  • ๔. พิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์โคกสูง                        
  • ๕. บ่อเกลือหนองสรวง                                                 
  • ๖. บ่อดินโป่งแดง                                              
  • ๗. พิพิธภัณฑ์ซากดึกดำบรรพ์ตำบลท่าช้าง                
  • ๘. บ่อทรายบ้านพระพุทธ                                    
  • ๙. กุมภลักษณ์มอจะบก                                       
  • ๑๐. แหล่งหินตัดสีคิ้ว                                       
  • ๑๑. วัดป่าเขาหินตัด                                          
  • ๑๒. ถ้ำเขาจันทน์งามและภาพเขียนสี
  • ๑๓. ผายายเที่ยง
  • ๑๔. จุดชมวิวเขายายเที่ยง
  • ๑๕. หินทรายเขียวซับกระสังข์
  • ๑๖. ผาบุคา
  • ๑๗. วัดพระพุทธบาทคีรีวันน์เขาพริก
  • ๑๘. น้ำตกวะภูแก้ว
  • ๑๙. วัดป่าภูผาสูง
  • ๒๐. น้ำตกวังเณร
  • ๒๑. พุบาดาล
  • ๒๒. วัดเขาขาด
  • ๒๓. เขาสามสิบส่าง                       
  • ๒๔. แหล่งหินตัดสูงเนิน
  • แหล่งธรรมชาติ
  • ๑. โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ หนองระเวียง
  • ๒. ศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ คลองไผ่
  • ๓. สวนพฤกษศาสตร์ มทส.
  • แหล่งวัฒนธรรม
  • ๑. กำแพงประตูชุมพลและอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี           
  • ๒. พิพิธภัณฑ์เมืองนครราชสีมา                                        
  • ๓. ปราสาทหินพนมวัน                                                 
  • ๔. เมืองเสมา
  • ๕. พระนอน 
  • ๖. ปราสาทเมืองแขก
  • ๗. ศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชฯ บ้านยวน
  • ๘. ตลาดน้ำฉ่า                                                  

ความสําคัญหรือความโดดเดนทางธรณีวิทยาในระดับนานาชาติ อุทยานธรณีโคราช มีจุดเด่นสำคัญที่สุดในทางธรณีวิทยา ๕ ประการ รวมทั้งองค์ประกอบร่วมดังต่อไปนี้

  • ๑. ความหลากหลายทางชีวภาพของฟอสซิลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคนีโอจีนและควอเทอร์นารี ในแหล่งตำบลท่าช้างและปริมณฑล ในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ กับแหล่งตำบลโคกสูง ในอำเภอเมืองนครราชสีมา
  • ๒.แหล่งฟอสซิลไดโนเสาร์อิกัวโนดอนต์และสัตว์ร่วมยุคสำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • ๓.แหล่งฟอสซิลไม้กลายเป็นหินหลากหลายชนิดและสีสันที่สำคัญของอินโดจีน
  • ๔.พื้นที่แบบฉบับ (type section area) ของหมวดหินโคกกรวดในกลุ่มหินโคราช (Khorat Group)
  • ๕.มีภูมิประเทศเควสตาโดดเด่นที่เป็นส่วนหนึ่งของเควสตาโคราชที่ยาวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ความก้าวหน้าการดำเนินงาน

  • ๑.คณะกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์แหล่งธรณีวิทยาและจัดตั้งอุทยานธรณี ได้รับการรับรองอุทยานธรณีโคราชเป็นอุทยานธรณีประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑ และต้องได้รับการประเมินซ้ำเพื่อคงสถานะเป็นอุทยานธรณีประเทศไทยในเดือนเมษายน ๒๕๖๕
  • ๒.อุทยานธรณีโคราชได้แสดงความจำนงที่จะสมัครเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก และเสนอเอกสารต่อคณะกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์แหล่งธรณีวิทยาและจัดตั้งอุทยานธรณี เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒
  • ๓.คณะกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์แหล่งธรณีวิทยาและจัดตั้งอุทยานธรณี มีมติในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เห็นชอบให้เสนออุทยานธรณีโคราชเข้ารับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks)
  • ๔. กรมทรัพยากรธรณี เสนอเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบในการสมัครเป็นสมาชิกเครือข่ายอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เมื่อคราวการประชุมเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ให้อุทยานธรณีโคราชสมัครเป็นสมาชิกเครือข่ายอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
  • ๕.อุทยานธรณีโคราชได้จัดส่งหนังสือแสดงความจำนงค์ (Letter of Intent) เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ และเอกสารการสมัครผ่านกระทรวงศึกษาธิการ (สานักงานเลขาธิการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ: NETCOM) ไปยังยูเนสโกเมื่อ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
  • ๖.ยูเนสโกได้ตรวจประเมินคุณค่าทางวิชาการด้านธรณีวิทยาของอุทยานธรณีโคราชและพบว่ามีความสำคัญโดดเด่นระดับโลก เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด19 ทำให้ยูเนสโกเลื่อนกำหนดการประเมินภาคสนามออกไป และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงจึงส่งผู้ประเมินภาคสนาม จำนวน ๒ ราย ได้แก่ Dr. Marie Luise Frey จากประเทศเยอรมนี และ Ms. Sarah Gamble จากประเทศแคนาดา ตรวจประเมินภาคสนามของอุทยานธรณีโคราชในการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลก ระหว่างวันที่ ๒๒ – ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ โดยผู้ประเมินได้ทำรายงานเสนอไปยังยูเนสโกพิจารณาในการประชุมสภาอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks Council Meeting) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๔ – ๕ กันยายน ๒๕๖๕ โดยเป็นการประชุมคู่ขนานในงานประชุมเครือข่ายอุทยานธรณีโลกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ ๗ (The 7th Asia Pacific Geoparks Network (APGN) Symposium) ระหว่างวันที่ ๔ – ๑๑ กันยายน ๒๕๖๕ ณ อุทยานธรณีโลกสตูล จังหวัดสตูล ซึ่งที่ประชุมมีมติพิจารณาคุณสมบัติของอุทยานธรณีโคราชว่าครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ และนำมติดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของยูเนสโก
  • ๗. คณะกรรมการบริหารของยูเนสโก ในการประชุมครั้งที่ ๒๑๖ ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๑๐ – ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ณ องค์การยูเนสโกสำนักงานใหญ่ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศสได้รับรองอุทยานธรณี จำนวน ๑๘ แห่ง รวมทั้งอุทยานธรณีโคราชเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก โดยได้ส่งหนังสือแจ้งผลอย่างเป็นทางการกับอุทยานธรณีโคราช และประกาศในเว็บไซต์ของยูเนสโก (https://www.unesco.org) โดยรับรองให้อุทยานธรณีโคราชเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกระยะเวลา ๔ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖ – ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๙๐ และประเมินซ้ำเพื่อคงสถานะการเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกในปี ๒๕๖