อุทยานธรณีโลกสตูล จังหวัดสตูล
ข้อมูลทั่วไป
อุทยานธรณีโลกสตูลได้ประกาศเป็นอุทยานธรณีท้องถิ่น เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ครอบคลุมพื้นที่ ๔ อำเภอ ได้แก่ อำเภอทุ่งหว้า อำเภอมะนัง อำเภอละงู และอำเภอเมืองสตูล (อุทยานแห่งชาติตะรุเตา) รวมพื้นที่ ๒,๕๙๗ ตารางกิโลเมตร อุทยานธรณีโลกสตูล มีแหล่งธรณีวิทยา ๕๓ แหล่ง แหล่งเรียนรู้ ๘ แหล่ง แหล่งนิเวศวิทยา ๔ แหล่ง แหล่งวัฒนธรรมแหล่งผลิตภัณฑ์ชุมชน และแหล่งอื่นๆ ๑๑ แหล่ง รวมทั้งสิ้น ๗๖ แหล่ง ดังนี้
- แหล่งธรณีวิทยา
- ๑. ถ้ำเลสตโกดอน
- ๒. น้ำตกธารปลิว
- ๓. น้ำตกธารสวรรค์
- ๔. แหล่งซากดึกดำบรรพ์เขาโต๊ะสามยอด
- ๕. สันหลังมังกร
- ๖. เขาทะนาน
- ๗. เกาะตะบัน
- ๘. หาดทรายดำราไว
- ๙. หาดปากบารา
- ๑๐. เขตข้ามกาลเวลา เขาโต๊ะหงาย
- ๑๑. หาดหินหลากสี
- ๑๒. แหล่งซากดึกดำบรรพ์อ่าวนุ่น
- ๑๓. รอยต่อของยุคทางธรณี “เขาน้อย”
- ๑๔. แหล่งซากดึกดำบรรพ์ “หินสาหร่ายสโตรมาโตไลต์”
- ๑๕. ถ้ำอุไรทอง
- ๑๖. น้ำตกวังสายทอง
- ๑๗. ล่องแก่งวังสายทอง
- ๑๘. จุดชมวิวทางธรณี (Karst) เขาควนทัง
- ๑๙. ถ้ำทะลุ ป่าหลุมยุบดึกดำบรรพ์
- ๒๐. เกาะลิดี-หว้าหิน
- ๒๑. หมุ่เกาะบุโหลน
- ๒๒. สันหลังมังกร ผาใช้หนี้ บ่อเจ็ดลูก
- ๒๓. ล่องเรือคายัคถ้ำลอดพบรัก
- ๒๔. ปราสาทหินพันยอด
- ๒๕. อ่าวฟอสซิลอายุประมาณ ๔๕๐ ล้านปี ยุคออร์โดวิเชียน
- ๒๖. หาดกาสิง (หอยท้ายเภา)
- ๒๗. ถ้ำเจ็ดคต
- ๒๘. ถ้ำภูผาเพชร
- ๒๙. แหล่งซากดึกดำบรรพ์ลานหินป่าพน
- ๓๐. จุดชมวิวถนนสวย อำเภอมะนัง
- ๓๑. ถ้ำระฆังทอง
- ๓๒. เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกวังใต้หนาน
- ๓๓. เกาะตะรุเตา (อ่าวพันเตมะละกา)
- ๓๔. เกาะตะรุเตา (ซากดึกดำบรรพ์อ่าวเมาะและ)
- ๓๕. เกาะตะรุเตา (อ่าวตะโละวาว คุกตะรุเตา)
- ๓๖. อ่าวสน (ธารน้ำจืดลงสู่ทะเล)
- ๓๗. น้ำตกลูดู
- ๓๘. เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่าวตะโละอุดัง
- ๓๙. ถ้ำจระเข้
- ๔๐. ซุ้มหินธรรมชาติเกาะไข่
- ๔๑. เกาะหลีเป๊ะ (หาดพัทยา)
- ๔๒. เกาะหลีเป๊ะ (หาดซันไรซ์)
- ๔๓. เกาะหลีเป๊ะ (หาดซันเซ็ท)
- ๔๔. เกาะอาดัง (ที่ทำการอุทยานฯ)
- ๔๕. เกาะอาดัง (ผาชะโด)
- ๔๖. เกาะหินงาม
- ๔๗. ร่องน้ำจาบัง
- ๔๘. เกาะยาง
- ๔๙. เกาะราวี (หาดทรายขาว)
- ๕๐. เกาะหินซ้อน
- ๕๑. เกาะรอ-กลอย
- ๕๒. อ่าวลิง
- ๕๓. เกาะผึ้ง
- ๕๔. แหลมแต๊ะปัน (ปากบารา)
- แหล่งเรียนรู้
- ๑. พิพิธภัณฑ์อุทยานธรณีโลกสตูล
- ๒. พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า
- ๓. พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาโรงเรียนทุ่งหว้าวรวิทย์
- ๔. บ้านของเก่าโบราณ บ้านท่าข้ามควาย
- ๕. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาโรงเรียนกำแพงวิทยา
- ๖. ศูนย์เรียนรู้หัตถศิลป์ “กะลาบารา”
- ๗. บ้านรากไม้
- ๘. วิถีชีวิตชาวมานิ
- แหล่งนิเวศวิทยา
- ๑. หอสี่หลัง
- ๒. จุดชมวิวท่าอ้อย
- ๓. เก็บหอย ล่องคลองแลหิ่งห้อย บ้านท่ายาง
- ๔. ล่องแพชมหิ่งห้อยคลองละงู บ้านหัวทาง
- แหล่งวัฒนธรรมแหล่งผลิตภัณฑ์ชุมชน และแหล่งอื่นๆ
- ๑. โบราณสถานบ่อเจ็ดลูก
- ๒. ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติบ้านท่าอ้อย
- ๓. ศูนย์เรียนรู้พริกไทยสุไหงอุเป
- ๔. นวดสปาสมุนไพรดึกดำบรรพ์
- ๕. ศูนย์เรียนรู้ สวนควนข้อง หม้อข้าวหม้อแกงลิง
- ๖. ศูนย์เรียนรู้การเพาะขยายพันธุ์พืชใกล้สูญพันธุ์
- ๗. จักสานต้นคลุ้ม
- ๘. สมุนไพรทักษอร
- ๙. ปันหยาบาติก
- ๑๐. โกปี๊นาข่า กาแฟโบราณ
- ๑๑. ท่าเทียบเรือปากบารา
ความโดดเด่นทางธรณีวิทยา
มีความโดดเด่นระดับนานาชาติด้านซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ทะเลมหายุคพาลีโอโซอิคที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยและสามารถพบได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีลักษณะภูมิประเทศแบบคาสต์ที่มีความโดดเด่นที่ทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ถ้ำภูผาเพชร น้ำตกวังสายทอง เกาะตะรุเตา เกาะอาดังราวี เกาะหลีเป๊ะ เป็นต้น
ความก้าวหน้าการดำเนินงาน
สถานภาพการเป็นอุทยานธรณีประเทศไทย
- ๑. เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ได้มีการรับรองอุทยานธรณีสตูลเป็นอุทยานธรณีประเทศไทย ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์แหล่งธรณีวิทยาและจัดตั้งอุทยานธรณี (ระดับกรม)
- ๒. ตามประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง แนวทางและหลักเกณฑ์เพื่อการอนุรักษ์แหล่งธรณีวิทยาและจัดตั้งอุทยานธรณีประเทศไทย ประกาศเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๑ ได้มีข้อกำหนดให้อุทยานธรณีที่ได้รับการประกาศเป็นอุทยานธรณีประเทศไทยต้องได้รับการประเมินซ้ำทุก ๔ ปี หากผ่านเกณฑ์การประเมินจะได้รับใบเขียวเพื่อเป็นอุทยานธรณีประเทศไทยต่ออีก ๔ ปี หากไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินจะได้รับใบเหลืองและให้ดำเนินการปรับปรุงภายใน ๒ ปี หลังจากปรับปรุงแล้วไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินอีกครั้งจะได้รับใบแดงและถูกปลดออกจากการเป็นอุทยานธรณีประเทศไทย โดยในปี ๒๕๖๓ อุทยานธรณีสตูลจะมีอายุครบ ๔ ปี และต้องได้รับการประเมินซ้ำเพื่อคงสถานะการเป็นอุทยานธรณีประเทศต่อไป
- ๓. คณะผู้ประเมินภาคสนามได้เข้าตรวจประเมินในพื้นที่อุทยานธรณีสตูลเพื่อรับรองสถานะการเป็นอุทยานธรณีประเทศไทย ในช่วงระหว่างวันที่ ๒๙ กรกฎาคม – ๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ผลการประเมินได้ดำเนินเสร็จสิ้นแล้ว โดยคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอุทยานธรณี มีการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ณ ห้องประชุมชั้น ๑๗ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และระบบการประชุมทางไกล (VDO Conference) มีมติมอบหมายให้คณะอนุกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์แหล่งมรดกธรณีและการดำเนินงานอุทยานธรณีพิจารณาผลการประเมินซ้ำการเป็นอุทยานธรณีประเทศไทยของอุทยานธรณีสตูล และเสนอผลการพิจารณาต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอุทยานธรณีต่อไป โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการนำเสนอผลการประเมินต่อคณะอนุกรรมการส่งเสริมฯ เพื่อพิจารณา
สถานภาพการเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
- ๑. เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ อุทยานธรณีสตูลได้รับการรับรองเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
- ๒. ตามหลักเกณฑ์ของยูเนสโกอุทยานธรณีโลกจะต้องมีการประเมินซ้ำทุกๆ๔ปี ซึ่งอุทยานธรณีโลกสตูลมีกำหนดการประเมินซ้ำในปี พ.ศ.๒๕๖๔ และด้วยสถานการณ์วิกฤติCOVID-19ทำให้การประเมินภาคสนามของอุทยานธรณีสตูลเลื่อนออกไปจากกำหนดการปกติในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ และกำหนดใหม่ให้มีการประเมินภาคสนามในปี พ.ศ. ๒๕๖๕
- ๓. ยูเนสโกส่งผู้ประเมินภาคสนามลงพื้นที่ตรวจประเมินซ้ำอุทยานธรณีโลกสตูลเพื่อคงสถาะการเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก ระหว่างวันที่ ๒๗ มิถุนายน – ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ โดยผู้ประเมิน ๒ ท่าน ได้แก่ Dr. Marie Luise Frey จากประเทศเยอรมนี และ Ms. Sarah Gamble จากประเทศแคนาดา
- ๔. การประชุมสภาอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก(UNESCO Global Geoparks Council Meeting)ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๔ – ๕ กันยายน ๒๕๖๕ โดยเป็นการประชุมคู่ขนานในงานประชุมเครือข่ายอุทยานธรณีโลกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกครั้งที่๗ (The 7th Asia Pacific Geoparks Network (APGN) Symposium) ระหว่างวันที่๔ -๑๑กันยายน๒๕๖๕ณอุทยานธรณีโลกสตูลจังหวัดสตูล พิจารณารับรองให้อุทยานธรณีโลกสตูลเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต่ออีก ๔ ปี
- ๕. ยูเนสโกได้มีจดหมายแจ้งผลการพิจารณาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖ โดยได้รับรองให้อุทยานธรณีโลกสตูลเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘
การเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเครือข่ายอุทยานธรณีโลกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ ๗ (The 7th Asia Pacific Geoparks Network Symposium)
กรมทรัพยากรธรณีร่วมจัดประชุมเครือข่ายอุทยานธรณีโลกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกครั้งที่๗ (The 7thAsia Pacific Geoparks Network (APGN) Symposium)ระหว่างวันที่ ๔ – ๑๑ กันยายน ๒๕๖๕ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา วิทยาเขตละงู อุทยานธรณีโลกสตูล จังหวัดสตูลโดยมีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน ๔๒๓ คนแบ่งเป็น Online จำนวน ๑๕๗ คนและ Onsite จำนวน๒๖๖ คน
กิจกรรมในการประชุมฯ ประกอบด้วย การประชุมคู่ขนาน การประชุมวิชาการ จีโอแฟร์นิทรรศการที่
จับต้องไม่ได้ การทัศนศึกษา โดยมีรายละเอียดดังนี้
การประชุมคู่ขนาน ประกอบด้วย
- ๑) การประชุมสภาอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks Council Meeting)เป็นการประชุมเพื่อพิจารณาและรับรองผลการประเมินอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกสำหรับประเทศไทยมีอุทยานธรณีโคราชที่เข้ารับการพิจาณาเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก และอุทยานธรณีโลกสตูลที่ขอรับการประเมินซ้ำ ทั้งนี้ ผลการพิจารณาดังกล่าวจะพิจารณารับรองและประกาศอย่างเป็นทางการในการประชุมคณะกรรมการบริหารของยูเนสโกในเดือนเมษายน ๒๕๖๖ ต่อไป
- ๒) การประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาเครือข่ายอุทยานธรณีโลกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (APGN Advisory Committee)โดยพิจารณาเจ้าภาพจัดประชุมAPGN ครั้งที่ ๘ ใน พ.ศ. ๒๕๖๗ ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบให้อุทยานธรณีโลกNon nuoc Cao Bang ประเทศเวียดนาม เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในครั้งต่อไป
- ๓) การประชุมคณะกรรมการประสานงานเครือข่ายอุทยานธรณีโลกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (APGN Coordination Committee)โดย Jin Xiaochiผู้ประสานงานของคณะกรรมการที่ปรึกษาฯ (AC Coordinator)เป็นผู้รายงานผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๖๒ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๕ และผู้แทนกรรมการประสานงานฯ ของแต่ละประเทศสมาชิกจำนวน๘ ประเทศ ได้นำเสนอผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทย นายณรงค์ฤทธิ์ ทุ่งปรือ ผู้อำนวยการอุทยานธรณีโลกสตูล เป็นผู้แทนกรรมการประสานงานฯ ของประเทศไทยนำเสนอผลการดำเนินงานของประเทศไทยที่ผ่านมานอกจากนี้ มีการเลือกตั้งผู้ประสานงานของคณะกรรมการที่ปรึกษาฯ (AC Coordinator) ผู้ช่วยผู้ประสานงานของคณะกรรมการที่ปรึกษาฯ (AC Vice Coordinators) และกรรมการที่ปรึกษาฯ (AC members) โดยนายสมหมาย เตชวาล ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนของประเทศไทย
- ๔) การประชุมเวทีเยาวชนอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (Youth Forum) มีการนำเสนอและหารือเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเวทีเยาวชนอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก รวมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานของอุทยานธรณีประเทศไทยและเยาวชนในแต่ละอุทยานธรณี
- ๕) การประชุมคณะผู้บริหารเครือข่ายอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (Executive Board Meeting)
- ๖) การหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างอุทยานธรณีโคราชและอุทยานธรณีโลก Non Nuoc Cao Bang ประเทศเวียดนาม เกี่ยวกับการดำเนินงานและกิจกรรมด้านการศึกษาและการท่องเที่ยวร่วมกัน
- ๗) การหารือเกี่ยวกับธรณีพิบัติภัยในพื้นที่อุทยานธรณี ระหว่างประเทศไทย สหพันธรัฐมาเลเซีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และประเทศญี่ปุ่นโดยแต่ละประเทศได้นำเสนอกรณีศึกษาธรณีพิบัติภัยที่เกิดขึ้น
ในอุทยานธรณี ซึ่งประเทศไทยได้นำเสนอเกี่ยวกับธรณีพิบัติภัยของประเทศในภาพรวม บทบาทของกรมทรัพยากรธรณี และกรณีศึกษาหินถล่มบริเวณปราสาทหินพันยอด อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จังหวัดสตูล ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้หารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือทางวิชาการในด้านธรณีพิบัติในพื้นที่อุทยานธรณีในอนาคตต่อไป
การประชุมวิชาการ ภายใต้หัวข้อ “UNESCOGlabal Geoparks: Building Sustainable Communities”โดยมีผู้สนใจส่งบทความทางวิชาการ จำนวน ๑๓๕บทความ แบ่งออกเป็น ประเภทบรรยาย (Oral Presentation)จำนวน ๑๐๑บทความ และประเภทโปสเตอร์ (Poster Presentation) จำนวน ๓๔บทความทั้งนี้ ประเทศไทยได้นำเสนอบทความทางวิชาการ จำนวน ๓๒บทความ ประกอบด้วย ผู้แทนจากอุทยานธรณีระดับท้องถิ่นและระดับประเทศไทย มหาวิทยาลัยและหน่วยงายภาครัฐ
จีโอแฟร์ เป็นการจัดบูธของอุทยานธรณีและวิสาหกิจชุมชนจากอุทยานธรณีทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์ และแลกเปลี่ยนความรู้และสินค้าของแต่ละอุทยานธรณี
นิทรรศการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) โดยมีอุทยานธรณีทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมจัดแสดงนิทรรศการ จำนวน ๑๒ราย
การทัศนศึกษาประกอบด้วย ๓ เส้นทาง ได้แก่ The longest sea cave and abundant biodiversity trail, Karst morphology to the coast of two periods trail และLand of Paleozoic history and intangible heritage trail